ค้นกับอากู๋

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553



Oscar the cat เหมียวไบโอนิคตัวแรกของโลก

แมวเหมียวออสการ์ผู้โชคร้าย ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงเนื่องจากขาหลังของมันถูกบดขยี้ด้วยเครื่องเกี่ยวข้าว สัตวแพทย์ชาวอังกฤษช่วยชีวิตมันไว้โดยการฝังขาเทียม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในโลก


เจ้าหนุ่มออสการ์ แมวหนุ่ม (อายุสองปี) ผู้โชคดี (บนความโชคร้าย)
ขาหลังคู่ใหม่ของออสการ์ถูกฝังเข้าไปในข้อเท้าของมัน มีต้นแบบจากการศึกษาลักษณะลักษณะของเขากวางที่งอกทะลุเนื้อเยื่ออกมาได้ ประกอบกับความรู้ทางวิศวกรรมชีวการแพทย์ การผ่าตัดปลูกขาให้ออสการ์ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของโลก โดยนายสัตวแพทย์จากเมือง Surrey ชื่อว่าคุณหมอโนเอล ฟิทซแพทริค (Noel Fitzpatrick)

การดำเนินงานของคุณหมอได้ถูกถ่ายทอดเป็นสารคดีของ BBC ชื่อว่า "The Bionic Vet" เริ่มแรกนั้น
เจ้าออสการ์งีบหลับและขาหลังของมันตกลงไปติดในเครื่องจักรเกี่ยวข้าว และถูกส่งมารักษากับหมอโนเอล และจากการคิดค้นอุปกรณ์ทดแทนขาซึ่งเรียกว่า Intraosseous Transcutaneous Amputation Prosthetics (Itaps) ซึ่งเป็นผลงานของทีมนักวิจัยจาก University College London นำโดยศาสตราจารย์กอร์ดอน บลันน์ (Gordon Blunn) หัวหน้าหน่วย UCL's Centre for Biomedical Engineering ซึ่งร่วมมือกับคุณหมอโนเอลพัฒนาอุปกรณ์เพื่อให้รับน้ำหนัก และมีความเสถียรทั้งเชิงกลและเชิงชีวภาพ

คุณหมอโนเอลและเจ้าออสการ์

หมอโนเอลอธิบายว่า ทีมงานวิจัยได้ทำการใส่ชิ้นโลหะพิเศษนี้เข้าไปในต้นขาหลังของออสการ์ และรอให้กระดูกและเนื้อเยื่อของมันเจริญเติบโตภายในชิ้นโลหะ ซึ่งจะมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นได้เหมือนธรรมชาติของแขนขาสัตว์มากที่สุด ศาสตราจารย์บลันน์กล่าวเพิ่มเติมว่า เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจมากจากมนุษย์ที่ต้องเสียแขนหรือขา พวกเขาต้องใส่อวัยวะเทียมแบบเดิมๆเข้ากับต้นแขนหรือต้นขาที่กุด อวัยวะเทียมแบบเดิมนี้สามารถทดแทนสิ่งที่สูญเสียไปได้ดี แต่ข้อเสียที่ต้องพบเจอคือความเจ็บปวดจากการเสียดสีและแรงกดระหว่างเบ้าของอวัยวะเทียมกับตัวผู้ป่วย

ก่อนหน้านี้ ได้มีการทดลองใช้เทคโนโลยี Itap ในมนุษย์มาก่อนหน้านี้แล้ว หญิงคนหนึ่งได้รับการฝังแขนเทียมหลังจากที่เธอเสียแขนไปเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2005 ที่ผ่านมา

ศาสตราจารย์บลันน์กล่าวว่า กรณีของออสการ์นั้นมีจุดน่าสนใจตรงที่มันได้รับการฝังขาเทียมพร้อมกันทั้งสองข้าง และเป็นการฝังขาหลังเทียมซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ค่อยมีกรณีศึกษามากนัก และความสำเร็จของการรักษาออสการ์ช่วยยืนยันว่า เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถนำมาใช้ได้จริง เขายังกล่าวชื่นชมแนวคิดของหมอโนเอล และจะร่วมงานกันต่อไปเพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ๆ

แปลจาก http://www.bbc.co.uk/news/10404251 "Bionic feet for amputee cat"

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Mini Rex Rabbit






มารู้จัก Minirex กระต่ายกำมะหยี่กัน

Mini Rex มินิเร็กซ์ (กำมะหยี่)

กำเนิดกระต่ายพันธ์ขนกำมะหยี่
กระต่ายพันธุ์ขนกำมะหยี่ (ต่อไปจะขอเรียกสั้นๆว่ากระต่ายกำมะหยี่) เป็นกระต่ายสายพันธุ์แท้ที่คนไทย รู้จักกันมานานพอสมควร แต่คิดว่าคนที่รู้จักกระต่ายพันธุ์นี้คงไม่ทราบว่า มันมีต้นกำเนิดมาจากประเทศใด

ไม่ใช่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เป็นประเทศในทวีปยุโรป

พ. ศ.๒๔๖๒ ชาวนาชาวฝรั่งเศสชื่อว่านาย Caillon อาศัยอยู่ในเมือง Coulong (Sarthe)ได้ผสม กระต่ายสีเทาแล้วได้ลูกกระต่ายตัวผู้ที่แทบจะไม่มีขนแม้ว่าจะมีอายุประมาณสามสัปดาห์แล้วก็ตาม ลูกกระต่ายตัวนี้อยู่รอดและโตขึ้นไม่เหมือนลูกกระต่ายตัวอื่น คือ ขนสั้นมาก

จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก แต่ได้ลูกกระต่ายตัวเมีย ชาวนาจึงเลี้ยงลูกกระต่ายทั้งสองจนโตเป็นหนุ่มสาว แล้วนำมาผสมพันธ์กัน ลูกกระต่ายที่เกิดมาทั้งหมดมีขนสั้นเหมือนพ่อแม่

โชคดีที่ชาวนาคนนี้ช่างสังเกตและชอบทดลอง กระต่ายกำมะหยี่เลยได้ถือกำเนิดขึ้นมาในโลก เพราะโดยทั่วไปในสมัยก่อน ถ้าคนเลี้ยงกระต่ายพบว่าได้ลูกกระต่ายแปลกๆ ก็มักจะไม่ผสมพันธ์ต่อ ถ้าไม่ฆ่าทิ้งก็จะเอาไปเป็นอาหารเสียมากกว่า




จาก นั้นชาวนาคนนี้ก็ได้ไปบอกเล่าการค้นพบนี้ให้กับบาทหลวง (ชื่อว่าAmde Gillet)ประจำหมู่บ้านฟัง บาทหลวงสนใจมากจึงนำมาเพาะพันธ์ต่อจนได้กระต่ายกำมะหยี่สี castor(สีเม็ดมะขาม) และเรียกกระต่ายพันธ์ขนสั้นนี้ว่าราชาแห่งกระต่าย (rabbit king) ซึ่งเรียกเป็นภาษาลาตินว่า Rex

ว่ากันว่าตอนนั้นบาทหลวงเพาะพันธ์กระต่ายกำมะหยี่ได้ประมาณสี่ร้อยตัว พ่อค้าชาวอังกฤษมาขอซื้อทั้งหมดในราคาเป็นล้านฟรังซ์ฝรั่งเศส แต่บาทหลวงปฏิเสธไม่ยอมขาย ในเวลานั้นกระต่ายกำมะหยี่จึงมีแต่ในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น และไม่แพร่หลายเท่าใดนัก

จนกระทั่งมีโรคระบาดของกระต่ายเกิด ขึ้นในอีกหกปีต่อมาหลังการกำเนิดของกระต่ายกำมะหยี่ตัวแรก ผู้เพาะพันธ์กระต่ายจึงได้นำอพยพเอากระต่ายกำมะหยี่ไปเลี้ยงในประเทศเยอรมันนี และเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายออกไปยังประเทศต่างๆในยุโรป

สิบปีต่อมาหลังการกำเนิดของกระต่ายกำมะหยี่ตัวแรก มีหนังสือขนาดเก้าสิบหกหน้าว่าด้วยเรื่องการเพาะพันธ์กระต่ายขนกำมะหยี่สี castor (The breeding of Castor rex)

คุณลักษณะกระต่ายพันธ์ขนกำมะหยี่

คนที่รักและเลี้ยงกระต่ายส่วนใหญ่น่าจะรู้จักกระต่ายสายพันธ์นี้ กระต่ายที่มีลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ขนสั้น หนา แน่น และนุ่มเหมือนกำมะหยี่ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกระต่ายสายพันธ์นี้ว่า กระต่ายขนกำมะหยี่ หรือเรียกสั้นๆว่ากระต่ายกำมะหยี่

กระต่ายโดยทั่วไปขนจะยาวมากกว่าหนึ่งนิ้ว แต่ขนของกระต่ายพันธ์นี้จะยาวไม่เกิน 0.6 นิ้ว และยาวเท่ากันทั้งตัว นั่นคือ ขนชั้นนอกและขนชั้นในยาวเท่ากัน ในขณะที่กระต่ายทั่วไปจะมีขนชั้นนอกยาวกว่าขนชั้นในเสมอ

ส่วนรูปร่างหน้าตาก็คล้ายๆกระต่ายไทยของเรา คือ มีลักษณะหน้าออกแหลมๆ และหูยาวตั้ง

ตามมาตรฐาน ของสมาคมผู้เพาะเลี้ยงกระต่ายแห่งสหรัฐอเมริกา กระต่ายกำมะหยี่จะมีสองสายพันธ์ คือ

กระต่ายกำมะหยี่ที่มีน้ำหนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม (8 ปอนด์) และมีลักษณะหน้ายาว ตัวยาว เรียกว่าStandard rex ส่วนกระต่ายกำมะหยี่ที่มีน้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัม (4 ปอนด์) และมีลักษณะหน้าสั้นกว่า ตัวเล็กสั้นกว่า เรียกว่า Mini rex

นอกจากนี้ยังมีกำมะหยี่สายพันธ์ใหม่ทียังไม่ได้รับการยอมรับเป็นสายพันธ์มาตรฐานจากสมาคมผู้เพาะเลี้ยง กระต่ายแห่งสหรัฐอเมริกา ได้แก่

กระต่ายกำมะหยี่ที่มีน้ำหนักประมาณ 0.9 กิโลกรัม (2 ปอนด์) ตัวเล็กเท่าๆกับกระต่ายพันธ์แคระเนเธอแลนด์

กระต่ายกำมะหยี่ที่ มีหูยาวและตกทั้งสองข้าง ตัวโตประมาณ standard rex (ยังไม่มีน้ำหนักมาตรฐาน) เรียกว่า Velveteen lop

กระต่ายกำมะหยี่ที่มีหูค่อนข้างสั้นและตกทั้งสองข้าง ตัวโตประมาณ mini rex (ยังไม่มีน้ำหนักมาตรฐาน) เรียกว่า Mini plush lop เป็นต้น และคาดว่าอาจจะมีสายพันธ์ของกระต่ายกำมะหยี่พันธใหม่ออกมาอีกเรื่อยๆเท่าที่มนุษย์เราจะสรรหามาได้

มาตรฐานของกระต่ายพันธ์มินิเร็กซ์

ลักษณะของลำตัว
ลำ ตัวสั้น กะทัดรัด สมดุล และกลมไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ความกว้างของสะโพกเท่ากับความยาวของสะโพก ไม่รู้สึกสะดุดมือเมื่อลูบจากคอถึงหาง เส้นขอบหลังเป็นแนวเส้นโค้งต่อเนื่องเมื่อมองด้านข้าง และมีจุดเริ่มต้นจากท้ายทอย จึงดูเหมือนว่าไม่มีคอ บั้นท้ายเต็มเมื่อใช้ฝ่ามือคลำจากด้านหลัง

หัว
หัวมีขนาดสมดุลกับลำตัว และอยู่ชิดกับไหล่จนดูเหมือนไม่มีคอ แก้มและขากรรไกรเต็ม ตัวเมียอาจจะดูหน้ายาวกว่าตัวผู้

หู
ความยาวของหูสมดุลกับลำตัวและหัว เมื่อจับหูดึงไปข้างหน้า ถ้าปลายหูตรงกับปลายจมูกพอดี แสดงว่าความยาวของหูสมดุลกับหัว จุดสูงสุดของลำตัวอยู่ระดับเดียวกับปลายหูหรือสูงกว่า ปลายหูอาจจะยาวกว่าจุดสูงสุดของลำตัวได้บ้าง ถ้ายังดูสมดุลดี หูมีลักษณะหนา ขนขึ้นเต็ม ตั้งตรง และอยู่ชิดกัน

ขาและเท้า
ขาตรง ค่อนข้างสั้น และหนาปานกลาง

ขน
ขนหนาแน่นมาก ตั้งตรง รู้สึกต้านฝ่ามือเมื่อลูบเหมือนพรมหนาๆ ความยาวในอุดมติคือ 5/8 นิ้ว และยาวเท่ากันทั้งตัว มีขนชั้นในกระจายอยู่ทั่วตัว แต่สังเกตไม่เห็น ผิวสัมผัสของขนควรจะลื่นมากกว่านุ่ม

สี
ตามมาตรฐาน Standard of Perfection


อ้าง อิงจาก http://www.nana-shop.net
credit http://minipettown.com/webboard/viewtopic.php?f=7&t=230